หลายคนคงมีคำถามที่คิดแล้วคิดอีกในทุกๆ ปีว่าทำไมสมาร์ทโฟนในแต่ละแบรนด์ในระดับ High-End ถึงมีราคาที่ดูแพงและเอื้อมไม่ถึง โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนจากค่าย แอปเปิ้ล (Apple) อย่าง ไอโฟน (iPhone) ที่สาวกทุกคนคงจะมานั่งลุ้นราคาเปิดตัวกันแทบทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากเราลองมาวิเคราะห์และสังเกตกันดูดีๆ ก็จะพบว่าไอโฟนในแต่ละปีที่เปิดวางจำหน่ายมีราคาที่เหมาะสมและไม่ได้แพงไปกว่าเดิมมากจนเกินไป ซึ่งเราจะมาลองแยกเหตุผลบางประการที่ทำให้สมาร์ทโฟนจากค่ายนี้ดูมีราคาที่แพงเกินจริงกัน ดังนี้ 1. แอปเปิ้ลไม่ได้ใช้ลงทุนไปกับดีไซน์และนักวิศวกรของตัวเองเท่านั้น การที่จะผลิตการสมาร์ทโฟนเครื่องๆ หนึ่งนั้น นอกจากเรื่องดีไซน์และกำลังคนแล้ว ยังต้องดูถึงเรื่องฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์ภายในเป็นหลักด้วย โดยเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าระบบปฏิบัติการ iOS ของแอปเปิ้ลนั้นเน้นเรื่องของความเสถียรและความละเอียดเป็นทุนเดิมมาตั้งแต่แรก และนั่นก็ต้องยิ่งทำการลงทุนพัฒนาให้ระบบฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์ทำงานด้วยกันได้เป็นอย่างดีเพิ่มขึ้นไปอีก 2. ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลส่วนใหญ่จะเป็นระดับ High-End มาตั้งแต่แรก อย่างที่เราทราบกันดี แอปเปิ้ลมักจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนของตัวเอง (ไอโฟน) เพียงปีละครั้งเท่านั้น และแต่ละครั้งบริษัทจะวางแผนกลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์ คือ ระดับ High-End หรือระดับท็อปสุดอยู่แล้วนั่นเอง ทำให้ส่งผลถึงราคาที่ต้องสูงตามไปด้วย ทั้งนี้ หากมองในมุมการตลาดด้านกลยุทธ์ราคา ( Price Strategy) แอปเปิ้ลจะมีผลิตภัณฑ์ที่ตั้งราคาตามคุณภาพ, ต้นทุน, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการยอมรับในราคาของลูกค้าที่มีความภักดีในตราสินค้า (Brand Loyalty) ของบริษัท 3.
ค. ซึ่งเธอได้มาอัพเดตอีกครั้งระบุว่า "—- อัพเดต สี่โมงครึ่ง วันที่ 27 ธค—- ปิดการขายแล้วนะคะ จบที่ราคาสี่หมื่น รวมค่าไรเดอร์ โอนเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณทุกคนที่สนใจค่า" พร้อมด้วยข้อความปิดการซื้อ ของหนุ่มรายหนึ่ง ที่โอนเงินมามากกว่าราคาเสนอขาย พร้อมทั้งระบุว่า ขอดูรูปตัวอย่างที่เธอเสนอโปรโมชั่นเอาไว้ซะด้วย