5 mg/kg วันละครั้ง) และ baclofenนอกจากนั้ยังพบว่าการใช้ ferrous sulphateก็มีผลลดอาการไอได้เช่นกัน ข้อมูลการตอบคำถาม (สรุปคำตอบที่ตอบแก่ผู้ถาม) การจัดการกับอาการไอ จากการใช้ยา ACEinhibitor คือ การหยุดยา แล้วเปลี่ยนไปใช้ยาทางเลือก เช่นยากลุ่มAngotensin II receptor blocker หรือหากมีความจำเป็นต้องใช้ยาต่อ (ผู้ป่วยมีโรคร่วมเป็นโรคหัวใจล้มเหลว, เบาหวาน, ไตวาย, กล้ามเนื้อหัวใจตาย) อาจใช้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการไอ ได้แก่ ยาNSIADs (aspirin 500 mg/day, sulindac, indomethacin), sodium cromoglycate (inhalation 20 mg วันละสี่ครั้ง), theophylline (8. 5 mg/kg วันละครั้ง) และbaclofen นอกจากนั้ยังพบว่าการใช้ferrous sulphateก็มีผลลดอาการไอได้เช่นกันทั้งนี้จากการสืบค้นไม่พบหลักฐานของการบรรเทาอาการไอจาก ACEinhibitor โดยการอมน้ำแข็ง เอกสารอ้างอิง: คำสืบค้น: Angiotensin-converting enzyme inhibitor, cough, management หมวดหมู่คำถาม: Adverse effects ตอบคำถามโดย 2015-07-24 12:35:35 ไม่ระบุระยะเวลาที่ใช้สืบค้น ยังไม่มีการมีการแสดงความคิดเห็นในคำถามข้อนี้
ไอมีเสมหะ แต่ไม่มีไข้ เกิดจากอะไร? อาจเกิดจากอาการแพ้สิ่งกระตุ้นที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่นควัน หรือสารกระตุ้นที่ทำให้เกิด โรคภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) ทำให้กลุ่มผู้ป่วยภูมิแพ้อาจมีอาการไอแบบมีเสมหะได้ หรืออาจพบได้ในกลุ่มที่เริ่มมีอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ทำให้สร้างสารคัดหลั่งหรือเสมหะออกมา และอาจเกิดได้จากโรคหลอมลมอักเสบ โรคปอดบวมหรือปอดติดเชื้อจนทำให้เกิดการอักเสบ รวมถึงโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ✅ ตรวจสอบข้อมูลโดย แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล
และ 20 มก. มีชื่อทางการค้า เช่น อีนาริล (Enaril), เรนิเทก (Renitec) ขนาดและวิธีใช้ ผู้ใหญ่ เริ่มจากวันละ 5 มก. วันละครั้ง ตอนเช้า (ถ้าไม่ได้ผล เพิ่มได้สูงสุดวันละ 40 มก. ) ผลข้างเคียง ไอแห้ง ๆ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเดิน ผื่นขึ้น ข้อควรระวัง 1. อาจทำให้มีอาการไอแห้ง ๆ เนื่องจากยานี้ไปเพิ่มความไวของปฏิกิริยาการไอต่อ การระคายเคืองต่อหลอดลม และกล่องเสียง พบได้ประมาณ 5-15% ของคนที่ใช้ยานี้ พบในผู้หญิงมากกกว่าผู้ชาย บางคนอาจเกิดขึ้นช้า คือ ภายหลังได้รับยาเป็นปี อาการไอจะทุเลาหลังจากหยุดยา 4 วัน บางคนอาจไอมาก จนต้องเปลี่ยนไปใช้ยา อื่นแทน 2. อาจทำให้ความดันเลือดตก เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเดิน ผื่นขึ้น 3. อาจทำให้มีภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง 4. ควรระมัดระวังการใช้ยานี้ ร่วมกับยาขับปัสสาวะที่ไม่มีฤทธิ์ขับโพแทสเซียม เช่น สไปโนโรแล็กโทน (Spinorolactone), ไตรแอมเทรีน (Triamterene), อะมิโลไรด์ (Amiloride) (ยาที่มีชื่อทางการ ค้าว่า Moduretic จะมีอะมิโลไรด์ เป็นส่วนผสม กับ ไฮโดรคลอโรไทอาไซด์) เพราะอาจทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงได้ถ้าใช้ยาร่วมกัน ควรตรวจดูระดับโพแทสเซียมเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ยาต้านเอซ สามารถใช้ร่วมกับไฮโดรคลอโรไทอาไซด์ เพราะตัวหลังนี้มีฤทธิ์ขับโพแทสเซียมด้วย 5.