8 ค่าวิกฤติ สำหรับ CCP แต่ละจุด (ขั้นตอนที่ 8 / หลักการที่ 3) สำหรับข้อนี้ใช้หลักการเดิม เป็นการกำหนดค่าควบคุมที่แสดงถึงความปลอดภัยของอาหาร เช่น อุณภูมิและเวลา ความดันที่ใช้ในการฆ่าเชื้อ โดยต้องมีข้อมูลหรือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รับรองค่าดังกล่าว เช่น การฆ่าเชื้อที่ 70 C เป็น เวลา 2 นาที เรียกว่าการ Validate CCP นั้นเอง ข้อที่ 3. 9 สร้าง ระบบการติดตาม สำหรับแต่ละ CCP (ขั้นตอนที่ 9 / หลักการที่ 4) หลักการนี้ยังคงเดิม คือการจัดทำ HACCP Plan เพื่อกำหนดการทำงาน ให้สามารถติดตามและดำเนินการเมื่อออกนอกการควบคุมทันท่วงที ข้อที่ 3. 10 กำหนดแนวทางแก้ไข (ขั้นตอนที่ 10 / หลักการที่ 5) สำหรับหลักการนี้ยังคงเดิมนั้นคือให้ทำการกำหนดระบบไว้รองรับ เมื่อค่าวิกฤติออกนอกการควบคุม โดยกำหนดทั้งแนวทางการจัดการกับสินค้าที่ได้รับผลกระทบ เช่น กัก Hold หรือ เข้าสู่ขั้นตอนการจัดการสินค้า NC และแนวทางการจัดการแบบกระบวนการ เพื่อแก้ไข ไม่ให้เกิดซ้ำ เช่น ออก CAR ปรับกระบวนการผลิต เช่น หากอุณหภูมิฆ่าเชื้อไม่ถึงตามที่กำหนด การดำเนินการแก้ไข สำหรับจัดการกับสินค้า ให้ทำการนำสินค้ากลับไปฆ่าเชื้อ ใหม่ การจัดการกระบวนการคือ เลือกใช้ process สำรองเป็นต้น ข้อที่ 3.
1. ให้คำปรึกษาวางระบบคุณภาพสากล GHP, GMP, HACCP, GAP, IFS, BRC, ISO 22000, ISO 9001, ISO 14000, OHSAS 18000 2. ให้คำปรึกษาวางระบบบริหารจัดการ จัดทำแผนกลยุทธ์ วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรค การกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ รวมถึงกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ และการกำหนดดัชนีชี้วัดผลดำเนินการ (KPI) รวมถึง การบริหารจัดการทางด้านทรัพยากรมนุษย์ 3. ให้คำปรึกษากิจกรรมเพิ่มผลผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การลดของเสีย และการปรับปรุงระบบ เช่น กิจกรรม 5 ส, QCC, การตรวจประเมินคุณภาพภายใน ( IQA) จัดทำระบบอะไรบ้าง? GHP (Good Hygiene Practice) / GMP กลุ่มแปรรูปขั้นต้น ทุกชนิด ทั้งจากประมง ปศุสัตว์ และการเกษตรพืชผักผลไม้ GMP-HACCP อาหารพร้อมบริโภค อาหารสำเร็จรูปทุกประเภท BRC / ISO 22000 ผู้ผลิตอาหารที่มีระบบ GMP-HACCP และส่งออกไปยังกลุ่มประเทศยุโรปเป็นหลัก Green Producvity / Water footprint / RD /GMP Catering / หาค่า Fo Wise Business Consultant หรือโทรหาเราที่ 02-3854469, 081-9115258 ภาพบรรยากาศการอบรม
สุขลักษณะของสถานที่ตั้งและอาคารผลิต 2. เครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ ที่ใช้ในการผลิต 3. การควบคุมกระบวนการผลิต 4. การสุขาภิบาล 5. การบำรุงรักษาและการทำความสะอาด 6. บุคลากร HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Point) HACCP เป็นมาตรฐานการผลิต ที่มีมาตรการป้องกันอันตราย ที่ผู้บริโภคอาจได้รับจากการบริโภคอาหาร โดยเป็นการวิเคราะห์อันตราย จุดควบคุมวิกฤต เป็นแนวคิดเกี่ยวกับมาตรการป้องกันอันตราย ที่อาจเกิดขึ้น ในแต่ละขั้นตอนของการดำเนินกิจกรรมใด ๆ โดยมีกระบวนการดำเนินงานเชิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีการศึกษาถึงอันตราย และหาวิธีการป้องกันไว้ล่วงหน้า รวมทั้งมีการควบคุม และเฝ้าระวัง เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการป้องกัน ที่กำหนดขึ้นนั้น มีประสิทธิภาพตลอดเวลา โดยที่มาของการเปลี่ยนแนวคิด HACCP ให้เป็นวิธีปฏิบัติในอุตสาหกรรมอาหารเกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ. ศ. 2502 โดยบริษัทพิลสเบอรี่ในสหรัฐอเมริกา ต้องการระบบงานที่สามารถใช้สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยสำหรับการผลิตอาหาร ให้แก่นักบินอวกาศในโครงการขององค์การนาซ่า แห่งสหรัฐอเมริกา หลักการสำคัญของระบบ HACCP 1. การวิเคราะห์อันตราย จากผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ที่อาจมีต่อผู้บริโภค 2.
"บริษัท คิว-ไอเอสโอ คอนซัลแต็นท์ จำกัด" เป็นบริษัทที่ปรึกษาและฝึกอบรม ที่ให้คำแนะนำเพื่อดำเนินการบริการและการจัดวางระบบ เช่น GMP HACCP ISO9001 ISO22000 FSSC22000 ISO14001 ISO17025 ฯลฯ ตามมาตรฐานสากลต่างๆ ให้กับทุกธุรกิจที่ต้องการส่งออก หรือต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดสากลระดับโลก เลขประจำตัวภาษี 0105554012026 02-4827986, 02482-7987, 02-4827990 การบริการบริษัท Service © 2017 - QISO Consultant Co,
5 การยืนยันแผนภูมิการไหลในสถานที่ (ขั้นตอนที่ 5) สำหรับข้อนี้เจตนาเพื่อให้ทวนสอบว่าแผนภูมิการไหลของกระบวนการผลิตมีความถูกต้อง ครบถ้วน HACCP ทีมปริ้นท์ แผนภูมิกระบวนการผลิต แล้วลงเดินหน้างาน เช็คทีละ ขั้นตอน แล้วลงชื่อ และวันที่ได้ทำการทวนสอบ ข้อที่ 3. 6 แสดงรายการอันตรายที่อาจเกิดขึ้นและเกี่ยวข้องกับแต่ละขั้นตอนดำเนินการวิเคราะห์อันตรายเพื่อระบุอันตรายที่สำคัญและพิจารณามาตรการใด ๆ เพื่อควบคุมอันตรายที่ระบุ (ขั้นตอนที่ 6 / หลักการที่ 1) สำหรับข้อนี้หลักการยังคงเหมือนเดิม เป็นการชี้บ่งอันตรายที่มีโอกาสเกิดขึ้น ในแต่ละขั้นตอน ในช่องสีเขียว เมื่อมีแนวโน้มที่อันตรายจะเกิดขึ้น จึงต้องทำการกำหนดมาตรการควบคุม ในช่องสีเหลือง 3. 7 กำหนดจุดควบคุมวิกฤต (ขั้นตอนที่ 7 / หลักการ 2) สำหรับขั้นตอนนี้เป็นการประเมินนัยยะสำคัญของ อันตราย (ในช่องสีแดง) ว่ามีโอกาสเกิดของอันตรายมากน้อยเพียงใด (LI) และผลกระทบเมื่อผู้บริโภคได้รับอันตราย เช่น เสียชีวิต เจ็บป่วยนอนโรงพยาบาล ท้องเสียเป็น ต้น (SE) จะทำให้ท่านได้รู้ระดับนัยยะ สำคัญ (SI) เป็น Cr, Ma, Mi หรือ Sa เพื่อใช้พิจารณามาตรการควบคุมที่ท่านมีกำหนดในช่องสีเหลือง ว่าจำเป็นต้องเข้าสู่การประเมินมาตราการควบคุม ว่าจะคุมแบบ CCP หรือเป็นมาตรการควบคุมปกติ เช่นหาก SI = Cr, Ma จะใช้แผนภูมิต้นไม้ Q1-Q4 ในการประเมิน แต่หาก SI = MI, Sa จะใช้มาตรการควบคุมที่มีควบคุมไปตามปกติ ข้อที่ 3.